ในปี 2566 อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ ตลอดระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงในตลาดได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ในรูปลักษณ์และฟังก์ชันของรถยนต์ และบริษัทยานยนต์ต่างกำลังแสวงหาแนวทางที่สร้างสรรค์เพื่อความอยู่รอด

CASE (Connected, Autonomous, Shared, Electric) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญ กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างสิ้นเชิง เทคโนโลยีการเชื่อมต่อทำให้รถยนต์สามารถเชื่อมต่อกับบริการภายนอก เพื่อให้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับผู้ขับขี่ และเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติได้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายอย่างมาก นอกจากนี้ การแพร่หลายของบริการการใช้ร่วมกันได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบจากการ "เป็นเจ้าของ" ยานพาหนะ ไปสู่การ "ใช้" ยานพาหนะ และการเปลี่ยนแปลงไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็กำลังเร่งตัวขึ้น

ในกระแสการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บริษัทยานยนต์ต่างกำลังพยายามเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ผ่านกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทยานยนต์สามารถวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ได้ 9 ประเภท เช่น ผู้ให้บริการด้านการเคลื่อนที่ ผู้สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ ผู้ริเริ่มด้านการขับขี่อัตโนมัติ ผู้ริเริ่มด้านการเชื่อมต่อ ผู้บุกเบิกด้านยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ดำเนินธุรกิจแบบแพลตฟอร์ม บริษัทที่เน้นข้อมูลและการวิเคราะห์ บริษัทที่จัดหาอุปกรณ์ยานยนต์ และบริษัทที่จัดการวงจรชีวิต

เพื่อให้กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงที่สร้างสรรค์เหล่านี้ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือความชัดเจนของข้อเสนอแนะด้านมูลค่าของลูกค้า ความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพหลัก และความแตกต่างในห่วงโซ่มูลค่า นอกจากนี้ การปรับให้เข้ากับธุรกิจแบบเดิม และการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรก็จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ

ในขณะเดียวกัน ด้านที่ได้รับความสนใจในด้านการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์รุ่นต่อไป คือแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงและระบบมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะช่วยปรับปรุงระยะทางและประสิทธิภาพอย่างมาก ผ่านการเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานของแบตเตอรี่และการปรับปรุงฟังก์ชั่นการชาร์จอย่างรวดเร็ว การเพิ่มประสิทธิภาพกำลังสูงสุดของระบบมอเตอร์และการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบโซลิดสเตต และระบบมอเตอร์แบบ e-axle แบบบูรณาการ กำลังได้รับความสนใจเป็นเทคโนโลยีหลักที่จะนำไปสู่อนาคตของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม การจัดหาแหล่งวัตถุดิบหลักอย่างลิเธียม นิเกิล โคบอลต์ ที่ใช้ในแบตเตอรี่และมอเตอร์ ได้กลายเป็นความท้าทายที่สำคัญเนื่องจากการพึ่งพาต่างประเทศเป็นหลัก ทำให้มีความเสี่ยงต่อราคาที่พุ่งสูงขึ้นและความหยุดชะงักของการจัดหา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาการใช้สิ่งทดแทนและเทคโนโลยีการรีไซเคิลวัตถุดิบ

นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว การนำกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการปรับปรุงด้านสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เป็นภารกิจสำคัญของบริษัทยานยนต์ ในที่สุดแล้ว จะต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจังมากขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2593

คาดว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมยานยนต์จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บริษัทยานยนต์ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ผ่านกลยุทธ์การพัฒนาที่สร้างสรรค์ที่หลากหลายโดยมี CASE เป็นหัวหอก และทุ่มเทให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีการเคลื่อนที่รุ่นต่อไป และการสร้างแบบจำลองทางธุรกิจที่ยั่งยืน